การประนมมือ (อัญชลี) นิยมใช้แสดงความเคารพพระรัตนตรัย ในเวลาฟังพระเจริญพระพุทธมนต์ สวดพระอภิธรรม ฟังพระธรรมเทศนา เป็นต้น
วิธีการประนมมือ ยกมือทั้งสองขึ้นประกบกัน ตั้ง เป็นกระพุ่มมือ ประนมไว้ระหว่างอก ให้ปลายมือตั้งขึ้น ข้างบนนิ้วมือ ทั้งสองข้าง ทุกนิ้วแนบชิดสนิทกัน อย่าให้เหลื่อมล้ำกัน อย่าให้กางห่างออกจากกัน ข้อศอกทั้งสองแนบชิดชายโครง
การประนมมือนี้เป็นกิริยาอาการที่แสดงความเคารพพระรัตนตรัย จึงนิยมทำด้วยความเรียบร้อย ตั้งใจไม่นิยมปล่อยให้นิ้วมืองอหงิก นิยมตั้งกระพุ่มไว้ระหว่างอกเอียงกับลำตัวประมาณ ๔๕ องศา ไม่ยก ให้สูงจรดคางหรือจรดปาก ไม่ปล่อยปลายมือให้ตกต่ำลงมาวางอยู่ที่ท้องหรือวางไว้ที่หน้าตักหรือหัวเข่า
การประนมมือนี้เป็นกิริยาอาการที่แสดงความเคารพพระรัตนตรัย จึงนิยมทำด้วยความเรียบร้อย ตั้งใจไม่นิยมปล่อยให้นิ้วมืองอหงิก นิยมตั้งกระพุ่มไว้ระหว่างอกเอียงกับลำตัวประมาณ ๔๕ องศา ไม่ยก ให้สูงจรดคางหรือจรดปาก ไม่ปล่อยปลายมือให้ตกต่ำลงมาวางอยู่ที่ท้องหรือวางไว้ที่หน้าตักหรือหัวเข่า
การไหว้ นมัสการ
การไหว้พระรัตนตรัย นิยมแสดงความเคารพพระรัตนตรัยด้วยการไหว้เมื่อนั่งเก้าอี้หรือยืนอยู่ มีวิธีการทำดังนี้คือ
๑. ประนมมือไว้ระหว่างอก
๒. ยกมือประนมขึ้นพร้อมกับก้มศรีษะลงเล็กน้อย ให้นิ้วหัวแม่มือทั้งสองอยู่ระหว่างคิ้ว ให้ปลายนิ้วชี้ี้ จรดหน้าผาก ทำเพียงครั้งเดียว แล้วลดมือลงตามเดิม
การไหว้บุคคล
การไหว้ซึ่งกันและกันนั้นนิยมปฏิบัติเพื่อความ เหมาะสมแก่ชั้นและวัยของบุคคล
นั้น ๆ มี ๓ แบบ คือ ๑. การไหว้บุคคลผู้มีอายุมากกว่า (เป็นผู้ใหญ่มากกว่า) ๒. การไหว้บุคคลผู้มีอายุเสมอกัน ๓. การไหว้บุคคลผู้มีอายุน้อยกว่า ๑. การไหว้บุคคลที่มีอายุมากกว่า
สำหรับผู้น้อยปฏิบัติต่อผู้ใหญ่ โดย ถือหลักมีชาติกำเนิดสูงกว่า มีคุณ ธรรมความดีได้รับยกย่องให้เป็นผู้ ปกครอง บังคับบัญชา และมีอายุ แก่กว่าตนการไหว้นิยมยกกระพุ่มมือขึ้นไหว้ให้ปลายนิ้วชี้อยู่ระหว่างคิ้วนิ้วหัวแม่มือทั้งสองอยู่บนดั้งจมูกพร้อมกับก้มศรีษะน้อมตัวลงพองาม สายตามองดูท่านด้วยความเคารพอ่อนน้อมถ่อมตน
๒. การไหว้บุคคลผู้มีอาวุโสเสมอกัน นิยมยกมือกระพุ่มขึ้นไหว้ ให้ปลายนิ้ชี้อยู่ที่ดั้งจมูก นิ้วหัวแม่มือทั้งสองอยู่ที่คางก้มศรีษะเล็กน้อยสายตามองกันและกันด้วยความหวังดีปราถนาดีต่อกัน
ไวรัส คอมพิวเตอร์ คืออะไร?
ไวรัสคอมพิวเตอร์คือ Software รูปแบบหนึ่ง ที่มีหน้าที่ก่อกวน ขัดขวาง หรือเปลี่ยนแปลงข้อมูล ที่มีอยู่ในระบบ คอมพิวเตอร์ของเรา ผลจากการติดไวรัส จะทำให้คอมพิวเตอร์ของเรา ทำงานไม่ ปรกติ
เช่น
•
ใช้เวลานานในการเรียกโปรแกรมขึ้นมาทำงาน
•
เปิดใช้งานข้อมูลที่มีอยู่เดิมไม่ได้
•
วันเวลาของโปรแกรมเปลี่ยนไป
•
ข้อความที่ไม่ค่อยได้เห็นกลับถูกแสดงขึ้นมาบ่อย ๆ
•
เกิดอักษรหรือข้อความประหลาดบนหน้าจอ
•
เครื่องส่งเสียงออกทางลำโพงโดยไม่ได้เกิดจากโปรแกรมที่ใช้อยู่
•
แป้นพิมพ์ทำงานผิดเพี้ยนหรือไม่ทำงานเลย
•
ขนาดของหน่วยความจำที่เหลือลดน้อยกว่าปกติ โดยหาเหตุผลไม่ได้
•
ไฟล์แสดงสถานะ การทำงานของดิสก์ติดค้างนานกว่าที่เคยเป็น
•
ไฟล์ข้อมูลหรือโปรแกรมที่เคยมีใช้อยู่ ๆ ก็หายไป
•
เครื่องทำงานช้าลงอย่างมาก
•
เครื่องรีสตาร์ทตัวเองโดยที่เรายังไม่ได้สั่ง
•
ระบบหยุดทำงานโดยไม่ทราบสาเหตุ (แฮ้งค์)
•
มีการส่งข้อมูลส่วนตัว หรือไวรัส จากเครื่องเราออกไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์คนอื่น โดยผ่านระบบอินเตอร์เน็ต
ไวรัสคอมพิวเตอร์มีหลายชนิด แต่ละชนิดก็มีอีกหลายรูปแบบ โดยแบ่งตามเป้าหมายที่ไวรัสนั้นๆ เข้าไปทำงาน ไวรัสที่ได้ยินชื่อบ่อยๆ คือ Worm, Torjan, Borntok, Godzill
ไวรัส คอมพิวเตอร์ มาจากไหน?
มีผู้ไม่หวังดี หลายๆกลุ่ม ที่มีความรู้เรื่องโปรแกรมคอมพิวเตอร์เป็นอย่างดี สร้างขึ้นมา
•
เพื่อทดสอบความสามารถของตนเอง
•
เพื่อผลประโยชน์ทางธุรกิจของตนเอง
•
เพื่อโจรกรรมข้อมูลส่วนตัวของผู้อื่น
•
เพื่อก่อกวนให้ผู้อื่นได้รับความเดือดร้อน
•
หรือเพื่อวัตถุประสงค์อื่นๆ
ไวรัส คอมพิวเตอร์ มาได้อย่างไร?
มาจากอินเตอร์เน็ต
โดยโปรแกรมไวรัสคอมพิวเตอร์จะติดมาพร้อมกับ ไฟล์ที่เราโหลดมาจากอินเตอร์เน็ต สคริปของเว็บไซต์ที่เราเปิด ไฟล์ที่แนบมากับอีเมล์ โปรแกรมสนทนา เช่น MSN
มาจาก แฟลซ์ ไดร์ฟ
เมื่อเรานำแฟลซ์ ไดร์ฟ มาใช้งานกับเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีไวรัส ก็จะทำให้แฟลซ์ ไดร์ฟ ตัวนั้นติดไวรัส และถ้าเรานำแฟลซ์ ไดร์ฟ ที่ติดไวรัส ไปใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร์อื่นๆ ก็จะทำให้คอมพิวเตอร์นั้นๆ ติดไวรัสไปด้วย
แล้วเราต้องทำอย่างไร ?
•
ติดตั้งโปรแกรม ป้องกันไวรัสที่มีลิขสิทธ์
เพราะเราจะสามารถโหลดรายการไวรัสใหม่ๆ ได้ทันทีบนระบบอินเตอร์เน็ต
•
ไม่รับเมล์ จากคนที่เราไม่รู้จัก
เพราะเมล์นั้นอาจมีไวรัสแฝงอยู่ก็ได้
•
เข้าเว็บไซด์ขององค์กรที่มีมาตรฐาน หรือเว็บไซด์ที่คนทั่วๆ ไปรู้จักเป็นอย่างดี
เพราะถ้าเข้าเว็บไซด์ที่ไม่มีความน่าเชื่อถือ หรือไม่เป็นที่รู้จักของคนทั่วไป เว็บไซด์นั้นอาจขาด ความรับผิดชอบ และอาจมีไวรัสแฝงอยู่ในเว็บไซด์นั้นก็ได้
•
ก่อนใช้ แฟลซ์ ไดร์ฟ ต้อง สแกนไวรัสด้วยโปรแกรมป้องกันไวรัส ที่มีลิขสิทธิ์ ก่อนทุกครั้ง
เพราะจะได้มั่นใจได้ว่าไม่มีไวรัสอยู่ในแฟลซ์ ไดร์ฟ นั้น
การติดตั้งโปรแกรม ป้องกันไวรัสที่มีลิขสิทธ์ ไม่ได้หมายความว่าเครื่องคอมพิวเตอร์ของเราจะปลอดภัยจากไวรัส ร้อยเปอร์เซ็นต์ ดังนั้นเราควรที่จะเข้า เว็บไซด์ของ โปรแกรม ป้องกันไวรัสที่มีลิขสิทธ์นั้น เพื่อเข้าไปอ่านข้อมูลข่าวสารที่เกี่ยวกับไวรัส แล้วนำความรู้ที่ได้มาป้องกัน แก้ไขปัญหาไวรัสในเครื่องของเรา ควบคู่ไปกับการใช้โปรแกรม เพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้โปรแกรมป้องกันไวรัสนั้นให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นได้อีกด้วย